ใครอยากโฆษณาหน้าแรก Google แบบฟรีๆ สร้างยอดขาย ขยายตลาดแบบฟรีๆ วิธีทำ SEO ให้เว็บติดอันดับ 1 บน Google ด้วยเงิน 0 บาท !
(อ่านแล้วไม่เข้าใจ แวะมาเรียนกับเรานะคะ ไอทีแม่บ้าน เปิดสอนค่ะ)
1. ใครยังไม่มีเว็บไซต์ให้เริ่มต้นทำเว็บไซต์ได้แล้ว เพราะอายุของโดเมน Domain มีผลกับเว็บไซต์มากมาย เว็บไซต์ที่จดทะเบียนนานแล้ว จะได้เปรียบเว็บไซต์ของคู่แข่งที่พึ่งจดนะคะ (จดนานแล้ว - ดี)
12. มี keyword ใน Title Tag Title ที่จะเพิ่ม Traffic ได้ดี อาจเพิ่มคำเหล่านี้ เช่น สุดยอด, รีวิว, วิธีการ, ในปี 2559, 10 [ใส่ตัวเลขนำหน้าประมาณ Top 10] เป็นต้น
13. มี Keyword ใน Meta Description
14. keyword เป็นคำแรกใน Title Tag
15. มีการใช้คำ keyword นั้นซ้ำมากกว่าคำอื่นๆในหน้านั้น (เทียบคำต่อคำ)
16. มีเนื้อหาข้อความมากพอสมควร (1,000+ คำ)
17. มีความหนาแน่นของ keyword ในหน้า (เทียบคำต่อทั้งหมด)
18. LSI (Latent semantic indexing keyword) ในบทความไม่ควรเน้นแต่คำที่ต้องการ แต่ควรเน้นคำที่เป็น LSI ด้วย คือ keyword ที่ใกล้เคียงหรือเกี่ยวข้องกัน
20.โหลดเว็บได้อย่างรวดเร็ว
20. ความเร็วในการโหลดหน้าเว็บ ช่วยส่งผลต่อการจัดอันดับ ยิ่งไฟล์เล็ก โหลดได้เร็ว จะยิ่งมีผลดี
21. ไม่ควรมีเนื้อหา/บทความที่ซ้ำกัน
22. ใช้ Rel=Canonical เพื่อบ่งบอกหน้าที่ซ้ำกัน
23. โหลดเว็บด้วย Chrome ได้อย่างรวดเร็ว
24. ใส่ข้อมูลให้รูปภาพทั้ง ชื่อไฟล์, Alt Text, Title Description และ Caption
25. ความสดใหม่ของเนื้อหา/บทความ (ยิ่งใหม่ - ยิ่งดี)
26. มีการปรับปรุงแก้ไขเนื้อหา/บทความ
28. มี keyword อยู่ใน 100 คำแรกของหน้า
29. มี keyword ใน H2, H3 Tag
30. การเรียงคำ ตรงกับ keyword
31. มี Link ออกไปยังเว็บที่มีคุณภาพบ้าง อย่าหวังแต่ Link เข้าอย่างเดียว
32. การสร้างเนื้อหาของของเว็บที่ลิงก์ Link วิ่งออกไปยังเว็บอื่นๆ
33. การสะกดคำที่ถูกต้องและถูกไวยกรณ์
34. ห้ามก็อปปี้ใครมาเนื้อหา/บทความที่เขียนขึ้นเองใหม่ (ไม่ได้คัดลอกมา)
35. มีเนื้อหาที่มีคุณภาพ มีประโยชน์ จะช่วยให้เว็บของเรามีคุณภาพ มีวิธีง่ายๆที่ทำให้เนื้อหา/บทความของหน้าเพจมีคุณภาพ 1. มีคำมากกว่า 1,000 คำมีรูปภาพ, infographic, วิดีโอประกอบ 3. ทำเป็นหัวข้อและลิสต์รายการ,บทความเสริม
36. บางคนสร้างเว็บขึ้นมาเพื่อขายพื้้นที่ Banner และทำลิงก์ออกจากเว็บ จำนวน Link ออกมากเกินไปก็ไม่ดี
37. มีรูปภาพ วิดีโอ และมัลติมีเดียอื่นๆ เว็บที่ติดอันดับ 1-10 ของ Google จะมีรูปภาพในเว็บ (ที่เกี่ยวกับเนื้อหา) อย่างน้อย 1 รูปเสมอ และยิ่งมีรูปและวิดีโอมากเท่าไหร่ จะยิ่งทำให้ผู้เข้าชมอยู่กับเว็บนานขึ้น
38. มี Link ภายในเว็บที่วิ่งเข้ามาหาหน้านั้น ทำ (On Page)
39. คุณภาพของเนื้อหาของหน้าที่มีลิงก์ภายในวิ่งเข้ามา (On Page)
40. บางท่านสร้างหน้าไม่เสร็จ เว็บของคุณก็จะมีหน้าที่เสีย ไม่ควรมีลิงก์เสีย (ลิงก์ไปยังหน้าที่ไม่มีอยู่จริง)
41. มีความง่ายในการอ่าน เช่นการจัดหน้าให้สวย ทำตัวหนังสือให้สวย อ่านง่าย สบายตา
42. บางคนทำเว็บเพื่อหารายได้จาก Affiliate ไม่ควรมี Link ที่เป็น Affiliate มากเกินไป
43. ไม่ควรมี HTML error คุณสามารถตรวจสอบข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นบนเว็บไซต์ของคุณได้จาก Google Search Console
44. มีโดเมนที่น่าเชื่อถือ (Domain Authority - DA) หน้าเว็บของโดเมนที่มี authority มากกว่าย่อมดีกว่าเว็บที่มีค่าน้อยกว่า
45. มีค่า Page Rank (PR) สูง PR สูงเกิดจากมีลิงก์เข้ามาเป็นจำนวนมาก, แต่ละหน้ามีค่า PR ไม่เท่ากัน เราควรหาลิงก์จากเว็บที่มี PR สูง ที่เรียกว่า ลิงก์คุณภาพเท่านั้น อย่าเอาลิงก์ขยะเข้าเว็บนะคะ
46. URL ไม่ควรยาวจนเกินไป ปกติแล้วลิงก์ของ ไอทีแม่บ้าน ที่แสดงยาวเนื่องจากเป็นโค้ดของภาษาไทย ซึ่งมีผลดีมากกว่า (มีโอกาสตรงกับ keyword) URL ที่ยาวเกินไปอาจมีผลกับการค้น Google
47. URL ยิ่งใกล้โดเมนยิ่งดี
48. เนื้อหาเขียนด้วยคน (ไม่ใช้โปรแกรมอัตโนมัติ) ห้ามใช้โปรแกรมในการเขียนเว็บ ควรเขียนเว็บด้วยตัวเอง เนื้อหาของเราเอง ผลงานของเราเองเท่านั้น
49. ความเกี่ยวข้องกันกับหน้าหมวดหมู่
50. ใช้ Tag หรือป้ายกำกับ จะส่งผลดี (แต่ไม่ควรมีมากเกินไป)
51. มี keywords ใน URL จะได้เปรียบ เวลาตั้งค่า URL ควรคิดเรื่อง Keyword ก่อน
52. URL ที่สามารถอ่านได้ และมีลำดับชั้น เช่นกดเข้าไปดูเมนูอื่นๆ ได้
53. หากเราเขียนอ้างอิง และมีแหล่งที่มา เราควร มี Reference และที่มา (หากมี)
54. ใช้ bullet หรือ ลำดับรายการ เช่น 1.2.3.4.5. กูเกิลชอบบทความที่ลำดับหรือตัวเลข
55. ลำดับความสำคัญใน Sitemap
56. หากมีลิงก์ออกมากจะถูกหาว่า Spam จะมีผลเสียต่อการจัดอันดับ
57. มี PR ของคำต่างๆ หลายคำในหน้านั้น จะส่งผลให้ Google มองว่าเป็นหน้าที่มีคุณภาพ
58. อัพเดทหน้าบ่อยๆ อายุของหน้านั้นๆ หน้าใหม่ดีกว่าหน้าเก่า แต่หน้าเก่าที่อัพเดทใหม่ดีกว่าหน้าใหม่ (การอัพเดทนั้นหมายถึงการเพิ่มเนื้อหาอย่างน้อย 1 ย่อหน้า)
59. มีการจัดวางเนื้อหาเป็นมิตรกับผู้ใช้งาน เน้นอ่านง่าย สบายตา
60.ไม่ใช่โดเมนที่ว่างอยู่ (Parked Domain)
61เนื้อหาที่เป็นประโยชน์กับผู้เข้าชม เนื้อหาที่มีคุณภาพ อาจไม่มีประโยชน์กับผู้เข้าชมก็ได้ ดังนั้นต้องทำให้ผู้เข้าชมรู้สึกว่ามีประโยชน์มากที่สุด คุณสามารถสร้างเนื้อหาที่มีประโยชน์ได้จากการทำหน้าเนื้อหา "... คืออะไร", "... ใช้ยังไง", "วิธี ..." เป็นต้น
62. มีเนื้อหาที่มีคุณค่าและแตกต่าง สร้างหน้าเว็บที่มีข้อมูลเชิงลึกและมีประโยชน์กับผู้เช้าชมแทน
63. มีหน้าสำหรับติดต่อ (หน้าติดต่อเรา) Google จะได้รู้ว่า ลูกค้าสามารถติดต่อใครได้ ธุรกิจนั้นมีอยู่จริงไม่หลอกลวง
64.บทความที่มีสาระและไม่ซ้ำใคร google นั้นลงโทษเว็บที่มีบทความซ้ำ ๆ หรือบทความน้อยแต่มี link ออกมากเกินไป บางคนสร้างเว็บมาเพื่อหลอกกูเกิลไปยังเว็บไซต์อื่น
65. หน้าติดต่อเรา เป็นสิ่งหนึ่งที่เว็บควรมี เพราะ google ชอบเว็บที่มีข้อมูลให้ติดต่อได้ และถ้าข้อมูลตรงกับ whois ก็อาจช่วยมากขึ้น
64.มี Domain Trust / TrustRank สูง คิดจากอีกหลายปัจจัย โดยเน้นที่การมี link จากเว็บที่มีคุณภาพสูงจำนวนมาก
65. มีโครงสร้าง HTML ของเว็บที่ดี
66. มีการปรับปรุงแก้ไขเว็บอยู่เสมอ
67. มีจำนวนหน้าเว็บเยอะ จำนวนหน้าเว็บ เว็บที่มีจำนวนหน้าเยอะ ทำให้ google มองว่าเป็นเว็บคุณภาพ
68. มี Sitemap ของเว็บ
69. เว็บมี Uptime สูง เปิดหน้าเว็บเร็ว ไม่ต้องรอนาน
70. ที่ตั้งเซิฟเวอร์ หากค้นหาคำไทย ที่ตั้งในไทยจะดีกว่า
71. มีการใช้งาน SSL (https://)
72. มีหน้าข้อตกลงการใช้งาน และนโยบายความเป็นส่วนตัว
73. ข้อมูลใน Mete Tag ต้องไม่ซ้ำกัน
74. มีเมนูแบบ Breadcrumb
75. รองรับกับอุปกรณ์มือถือ (Mobile Site)
76. ใช้ Youtube ในการอัพโหลดวิดีโอ
77. การใช้งานเว็บที่ง่าย
78. ใช้ Google Analytic และ Google Webmaster Tools
79. มีการรีวิวจากผู้ใช้งานบนเว็บรีวิวที่มีชื่อเสียง
80. มีลิงก์มาจากเว็บที่มีอายุนาน
81. จำนวนลิงก์ที่มาจากหน้าหลักของเว็บ
82. จำนวนลิงก์ที่ลิงก์ไปที่หน้าหลักของเว็บ เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญในการจัดอันดับของ google
83. มีลิงก์มาจากเว็บที่มีที่ตั้งเซิฟเวอร์และ IP ต่างกัน
84. จำนวนของลิงก์ที่ได้จากเว็บที่มี IP class C แตกต่างกัน ยิ่งหลากหลายเท่าไหร่ก็ยิ่งเป็นผลดีกับเว็บคุณ
85. จำนวนลิงก์ที่วิ่งเข้ามา
86. Alt text ของรูปที่มีลิงก์กลับ Alt Tag สำหรับ ลิงก์รูปภาพ อย่าลืมใส่ให้กับรูปภาพในเว็บคุณ
87. มีลิงก์มาจากเว็บที่เป็นโดเมน .edu, .gov, .go.th, .ac.th
88. PageRank (PR) ของเว็บที่มีลิงก์กลับ
89. Domain Authority (DR) ของเว็บที่มีลิงก์กลับ
90. มีลิงก์จากเว็บที่เป็นคู่แข่ง
91. มีการแชร์บน Social (Post แบบมีลิงก์กลับ) การแชร์ในโซเชียลเน็ตเวิร์ค ยิ่งจำนวนมากยิ่งส่งผลกับหน้านั้น ๆ เช่น Facebook, Line, Google, YouTube, Twitter, Instagram, Blog
link จากเว็บไซต์ที่ไม่พึงประสงค์ เว็บต้องห้ามต่าง ๆ จะส่งผลเสียกับเว็บไซต์คุณ
93. ลิงก์ที่มาจาก Guest Post ได้คะแนนน้อย
94.น้อยกว่าลิงก์ในบทความ
95. ลิงก์ไปที่หน้าแรกของเว็บของหน้าใน การมีลิงก์ไปที่หน้าหลักบนหน้ารอง ๆ ของเว็บจะช่วยส่งผลต่อการจัดอันดับ
96. ได้ Nofollow Links ก็ยังดีกว่าไม่มีลิงก์กลับ
97. ความหลากหลายของลิงก์ การมีลิงก์ที่ไม่เป็นธรรมชาติจำนวนมากนั้น สามารถดูได้ง่าย ๆ เช่น ลิงก์ส่วนใหญ่มาจากแหล่งคล้าย ๆ กัน เช่น ลิงก์จากประวัติส่วนตัวในฟอรั่มหรือเว็บบอร์ด ลิงก์จากการเขียนความเห็นในบล็อก ซึ่งเป็นเครื่องบ่งชี้ถึงการแสปม แต่ในอีกนัยนึงการได้ลิงก์ที่หลากหลายก็เป็นสัญญาณว่าเป็นลิงก์ที่เป็นคุณภาพ
98. ลิงก์กลับที่มีคำใกล้ๆ อย่างเช่น ผู้สนับสนุน จะได้คะแนนน้อย
99. ลิงก์ในเนื้อหาบทความ ส่งผลดีมากกว่า ลิงก์ที่อยู่บนหน้าว่าง ๆ หรือลิงก์ที่เจอในส่วนอื่นของหน้า
100. ไม่ควรมีลิงก์กลับที่มาแบบหลอกที่มา
101. ข้อความในลิงก์กลับ (ที่มาจากเว็บอื่น)
102. ข้อความในลิงก์กลับ (ที่มาจากในเว็บตนเอง)
103. ข้อความใน Title ของลิงก์
104. การได้ลิงก์พวกโดเมน ดอทต่าง ๆ ที่เป็นชื่อประเทศ เช่น .th , .co.uk, .de จะช่วยให้เว็บของคุณทำอันดับได้ดีในประเทศนั้น ๆ
106. ลิงก์กลับอยู่ในส่วนเนื้อหา ไม่ควรอยู่โดดๆ
107. ที่อยู่ของลิงก์ในหน้า
108.ลิงก์กลับอยู่ในส่วนต้นของหน้า
109. ลิงก์กลับจากโดเมนที่เกี่ยวข้องกัน (ยิ่งเฉพาะมาก ยิ่งดี)
110. ลิงก์กลับจากหน้าที่เกี่ยวข้องกัน (ยิ่งเกี่ยวกัน ยิ่งดี)
102. ข้อความรอบๆ ลิงก์กลับควรเป็นคำชม
103.ข้อความรอบ ๆ ลิงก์ google อาจใช้ข้อความรอบ ๆ ลิงก์นั้นเพื่อตัดสินว่าลิงก์นั้นเป็นอย่างไร เพราะข้อความการเป็นคำแนะนำเว็บคุณ หรือเป็นการวิจารณ์เว็บคุณในแง่ร้าย ลิงก์ที่มีข้อความรอบ ๆ เป็นข้อความที่ดีย่อมส่งผลดีมากกว่า
104. มี keyword ใน Title ของลิงก์กลับ
105.คำที่ปรากฎรอบ ๆ: คำที่ปรากฎรอบ ๆ backlinks ของคุณจะช่วยให้ Google รู้ว่าหน้าเว็บคุณเกี่ยวกับอะไร
106. มีจำนวนเว็บที่มีลิงก์กลับมากขึ้นเรื่อยๆ
107. ไม่ควรมีจำนวนเว็บที่มีลิงก์กลับน้อยลง
108. มีลิงก์จาก Hub ที่น่าเชื่อถือ
109. มีลิงก์จากเว็บที่ได้รับรองจาก Google
110.มีลิงก์จาก Wikipedia
111. การได้ลิงก์จากแหล่งอ้างอิงใน Wikipedia : แม้ว่าลิงก์เหล่านั้นจะเป็น nofollow แต่หลายคนก็คิดว่าการได้ลิงก์จาก Wikipedia จะช่วยเพิ่ม trust และ authority ให้กับเว็บคุณในการจัดอันดับของ search engines.
112. ข้อความที่ติดกันเลยกับข้อความลิงก์กลับ
113.
ลิงก์จากหน้าเว็บท่า การได้ลิงก์จากหน้าเว็บที่ google มองว่าเป็นเว็บข้อมูลชั้นดี หรือหน้าเว็บท่า ในหัวข้อเฉพาะจะได้รับการจัดอันดับที่ดีเป็นพิเศษ
104. อายุของลิงก์กลับ (ลิงก์ที่มีอายุเยอะจะให้คะแนนที่ดีกว่า)
105. อายุ Backlink : สอดคล้องกับสิทธิบัตรของ Google ลิงก์ที่เก่าแก่กว่าจะให้พลังมากกว่าลิงก์ใหม่ ๆ
106. มีลิงก์ที่มาจากเว็บไซต์จริงๆ (ไม่ใช่เว็บบล็อกเพื่อ SEO)
107. ลิงก์จากเว็บจริง ๆ เทียบกับ Splogs : เนื่องจากการมีบล็อกเน็ตเวิร์คเพิ่มขึ้นจำนวนมาก Google จึงให้น้ำหนักมากกว่าจากลิงก์ที่มาจากเว็บจริง ๆ จากบล็อกปลอม ๆ
108. ลิงก์ที่มาจากหน้า Profile (Facebook Profile)
109. ลิงก์จากประวัติส่วนตัวที่เป็นธรรมชาติ: เว็บที่มีลิงก์ประวัติส่วนตัวเป็น “ธรรมชาติ” จะได้อันดับที่ดีและมั่นคงกว่าในการอัปเดต
110. ไม่ควรแลกลิงก์กันมากเกินไป
111. การแลกเปลี่ยนลิงก์: Google ห้ามทำการแลกเปลี่ยนลิงก์มากเกินไป ซึ่งจะผลเสียต่ออันดับของเว็บไซต์คุณ
112. มีลิงก์กลับที่เขียนขึ้นจากเจ้าของเว็บเอง
113. ลิงก์เนื้อหาที่ผู้ใช้สร้าง: Google สามารถแยกได้ว่าลิงก์มาจากผู้ใช้หรือเจ้าของสร้าง ตัวอย่างเช่น google รู้ว่าลิงก์ที่มาจากบล็อกทางการของ WordPress.com ที่ en.blog.wordpress.com นั้นจะแตกต่างจากลิงก์จากบล็อกชื่ออื่น ๆ ของ wordpress.com (ตัวอย่างเช่น ******.wordpress.com)
114. ลิงก์กลับมาจากการ 301 Redirect
115. การมี redirect 301 มาที่หน้าที่มากเกินไป อาจส่งผลเสียกับเว็บคุณ
116. Anchor Link
117. คีย์เวิร์ดในหัวข้อ google ชอบลิงก์ที่ anchor text เป็นคำเดียวกับคีย์เวิร์ดในหัวข้อเป็นพิเศษ
118. การที่เว็บเราได้ backlink เพิ่มหรือลด เช่นเว็บคุณได้ backlink อยู่ 1,000 ลิงก์ เมื่อเวลาผ่านไปเว็บคุณได้เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เป็น 1,500 ลิงก์ ย่อมหมายถึงเว็บคุณได้รับความนิยม การมี positive link velocity ย่อมเป็นผลดีกับเว็บของคุณ
119. Negative Link velocity
120. ลิงก์จากเว็บ Authority
121. Shema.org Microformats:
122. Link ด้านข้างเว็บไซต์:
124. Chrome Bookmarks:
127. การติด DMOZ: หลายคนเชื่อว่า Google ให้เครดิตกับเว็บที่ติดใน DMOZ ว่าเป็นเว็บที่มีคุณภาพ
128. มีลิงก์กลับเว็บที่มี TrustRank สูง
129. การติดในไดเรกทอรีของ Yahoo!: google น่าจะมี algorithm ที่ให้ความสำคัญกับ Yahoo! Directory ดูจากการเป็นเว็บไดเรกทอรีมาอย่างยาวนาน ไม่แปลกที่เว็บที่ติดในนี้จะได้อันดับที่ดี
130. จำนวนของลิงก์ออกในหน้า: PageRank นั้นมีข้อจำกัด ดังนั้นลิงก์บนหน้าที่มีลิงก์ออกเป็นร้อย ๆ ลิงก์ย่อมส่งพลังของ pagerank ต่อไปได้น้อยกว่าหน้าเว็บที่มีลิงก์ออกน้อยกว่าลิงก์ที่มาจากเว็บบอร์ดหรือฟอรั่ม
131. ลิงก์ประวัติส่วนตัวฟอรั่ม: เพราะว่ามีการเพิ่มจำนวนสแปมค่อนข้างมาก Google จึงอาจจะลดความสำคัญของลิงก์จากหน้าประวัติส่วนตัวในฟอรั่มลง
132. มีลิงก์กลับจากหน้าที่มีจำนวนคำมากๆ
133. มีลิงก์กลับจากหน้าที่มีเนื้อหาที่มีคุณภาพ
134. Google Toolbar
135. เพิ่มจาก toolbar ของตัวเอง
136. Dwell Time
137. Query Deserves Freshness
138.Query Deserves Diversity
141. อัตราการคลิกสำหรับ Keyword ในหน้าการค้นหา: หน้าที่ได้คลิกมากกว่าจะได้อันดับที่ดีขึ้นใน keyword นั้น
141. มี CTR สูงทุก keyword
141. Direct Traffic สูง มีอัตราการกลับมาอีกครั้งสูง
142. ไม่เป็นเว็บที่โดนผู้ใช้งาน Block เว็บที่ถูกปิดกั้น: Google ไม่ใช่สิ่งนี้แล้วใน Chrome อย่างไรก็ตาม
143. Panda algorithm ใช้คำสั่งนี้ในการตัดสินว่าเป็นเว็บที่มีคุณภาพหรือไม่
144. มีผู้ Bookmarks เว็บเราจำนวนมาก
145. เข้าเว็บด้วย Google Chrome
146. ประวัติการใช้เบราว์เซอร์ของผู้ใช้: เว็บไซต์ที่คุมเยี่ยมชมบ่อย ๆ ในขณะที่คุณเข้าสู่ระบบของ google จะได้รับการจัดอันดับที่ดีสำหรับการค้นหาของคุณ
148. มี Comments จำนวนมาก
149.ผู้เข้าชมเข้าเว็บเป็นเวลานาน มาดูกันเลย !, และนี่คือผลลัพธ์, แต่ยังไม่หมดเท่านี้, เรื่องจริงๆ แล้วคือ, ส่วนที่ดีที่สุดหรอ ?, แล้วนี่มันหมายถึงอย่างไร ?, มันเกียวยังไงกัน ?, ฉันจะใช้มันได้อย่างไร ? เป็นต้น
150. ระยะเวลาการอยู่ในหน้าเว็บ: หลายคนเชื่อ ในขณะที่อีกหลายคนไม่เชื่อว่าระยะเวลาที่ผู้เยี่ยมชมอยู่ในหน้าเว็บจะส่งผลกับ SEO แต่มันอาจเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ google ใช้ในการจัดอันดับโดยใช้ผู้ใช้ของตัวเอง เป็นตัววัดคุณภาพของหน้าเว็บนั้น ๆ เพราะถ้าหน้าเว็บไม่ดี คนจะรีบกดออกอย่างรวดเร็ว
151. หน้าเพจที่เพิ่งเกิดใหม่จะดีกว่าเสมอ
152. หาก keyword กำกวม Google จะแสดงให้หลากหลายมากที่สุด
153. เว็บถูกเข้าจาก "ประวัติการเข้าชม"
154. ทราฟฟิกซ้ำ: google มองว่าผู้เยี่ยมชมเว็บนั้น ได้กลับมาชมเว็บอีกหรือไม่ เว็บไซต์ที่มีผู้เยี่ยมชมเดิม ๆ เข้ามาซ้ำจะมองว่าเป็นเว็บคุณภาพดี และได้รับการจัดอันดับที่ดี
156. Geo Targeting (ตำแหน่งที่อยู่)
156. Safe Search (การค้นหาแบบปลอดภัย)
157. Google+ (Social Network ของ Google)
158. ต้องไม่มีคำร้องเรียน DMCA
159. ความหลากหลายของโดเมน: ดูเหมือนว่าจะมี algorithm ที่ชื่อว่า Bigfoot Update ที่จะทำการเพิ่มหน้าโดเมนต่าง ๆ เน้นที่ความหลากหลายในหน้าการค้นหามากขึ้นทำให้ หน้ารอง ๆ ของเว็บอันดับต้น ๆ ได้อันดับดีกว่า หน้าหลักของเว็บรอง ๆ
160. การค้นหาที่เกี่ยวกับการซื้อ-ขาย
161. การค้นหาตามท้องถิ่น
161. Google จะแสดงผลเป็นแบบ News หากเป็นหน้าใหม่
162. Brand ชื่อดังจะติดอันดับได้ดีในคำกว้างๆ
164. ผลลัพท์สินค้า : บางครั้ง google แสดง ผลลัพท์สินค้า ( Google Shopping results) ในการค้นหา
165. Google มักแสดงผลเป็นรูปแบบ Image
166. ผลการค้นหาแบบรูปภาพ: บางครั้ง Google แทรกผลการค้นหาของเราด้วยผลลัพท์การค้นหารูป ที่ถูกดูมากที่สุดบนการค้นหาแบบรูปภาพ
167. Easter Egg (ของเล่นลับของ Google)
168. การค้นหาแบบรูปภาพ หาคำว่า “สอนการตลาดออนไลน์”
169. การค้นหาแบบเว็บ “Zerg rush”, “do a barrel roll”, “blink html”
170. ผลการค้นหาแสดงเว็บไซต์เดียวสำหรับยี่ห้อ : คีย์เวิร์ดที่เป็น ชื่อเว็บหรือยี่ห้อจะทำให้เกิดผลการค้นหาจากเว็บเดียวกันหลาย ๆ หน้า
171. มีจำนวน Tweet (Twitter) ของหน้านั้นเยอะ
173. ยิ่งคน Tweet มี Follower เยอะ ยิ่งดี
175. จำนวนการไลค์ในเฟซบุค : แม้ว่า Google จะไม่สามารถเห็นบัญชี Facebook แต่ละบัญชี แต่ google ก็คำนึงถึงจำนวนไลค์ใน facebook มาช่วยในการจัดอันดับด้วย แม้ว่าจะไม่มีผลมาก
176. มีจำนวน Share (Facebook) ของหน้านั้นเยอะ
177. การแบ่งปันใน Facebook: การแชร์โพสท์ใน Facebook — เพราะว่ามันคล้ายคลึงกับการสร้าง
178. backlink ดังนั้นการแชร์ใน facebook นั้นได้ผลดีกว่าการมีไลค์ใน facebook
179. ยิ่งคนที่แชร์มี follower เยอะ / หรือแฟนเพจที่แชร์มี Like เยอะ ยิ่งดี การเพิ่มปุ่มแชร์ที่หน้าร้าน จะทำให้ผู้เข้าชมสามารถแชร์ได้ง่ายและสะดวก และนั่นดีต่อ SEO ของร้านคุณ
180. หน้าผู้ใช้ที่มีชื่อเสียง: เหมือนกับ Twitter การแชร์ใน Facebook shares และการไลค์จากหน้าใน facebook ที่ได้รับความนิยมมาก ย่อมให้ผลดีกว่าหน้าทั่ว ๆ ไป
181. จำนวน Pin (Pinterest) ของหน้านั้นเยอะ
182. มีจำนวน Vote (บนเว็บ Social Sharing) ของหน้านั้นเยอะ ตัวอย่างเว็บ Social Sharing เช่น Reddit, Stumbleupon, Digg เป็นต้น
183. การโหวตบนเรื่องที่แบ่งปันบนเว็บโซเชียล: ดูเหมือนว่า Google ใช้การแบ่งปันบนเว็บอย่าง Facebook เป็นตัวชี้วัดหนึ่งเรื่องความนิยมทางสังคมออนไลน์
184. การกด +1 ใน google plus จากบัญชีผู้ใช้ที่มีชื่อจะส่งผลดีมากกว่าการกดของบัญชีที่มีผู้ติดตามน้อยกว่า
185. การยืนยันบัญชีผู้เขียใน Google+
186. มีจำนวน +1 (Google+) ของหน้านั้นเยอะ
188. การชี้วัดการเกี่ยวข้องทางสังคม: Google อาจจะใช้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกันจากบัญชีผู้ใช้ที่ทำการแบ่งปันบทความและข้อความรอบ ๆ ลิงก์
189. มีชื่อแบรนด์ในลิงก์
190. มีผู้ค้นหาชื่อแบรนด์ของคุณ
191. เว็บไซต์มี Facebook Page เป็นของตนเอง
192. เว็บไซต์ที่มีหน้าเฟซบุ๊คและจำนวนไลค์ที่มาก จะได้รับการจัดอันดับที่ดี
193. เว็บไซต์มี Twitter Profile เป็นของตนเอง
194. เว็บไซต์ที่โปรไฟล์ Twitter Profile ที่มีผู้ติดตามจำนวนมากแสดงว่าเป็นเว็บที่ได้รับความนิยม
195. หน้า Linkedin อย่างเป็นทางการของบริษัท บ่งบอกถึงความมีตัวตนจริง ๆ ของธุรกิจนั้น ๆ สร้างความน่าเชื่อถือให้เว็บ
196. พนักงานบริษัทมีข้อมูลบน LinkedIn
197. มีการโต้ตอบกันระหว่างเจ้าของบัญชีและผู้ติดตาม
198. การเคลื่อนไหวของบัญชีโซเชียลมีเดีย: มันคงดูเป็นเรื่องแปลกที่บัญชีในเว็บโซเชียลที่มีคนติดตามมากกว่าหนึ่งหมื่นคน แต่มีเพียงสองโพสท์ ดังนั้นเว็บที่มีผู้ติดตามมากและมีความสัมพันธ์กับผู้ติดตามมาก ๆ เช่นการโพสท์เรื่องจะช่วยเรื่องอันดับได้ดีกว่า
199. ชื่อแบรนด์ถูกเอ่ยถึงในเว็บไซต์ข่าวชื่อดัง
200. มีจำนวนผู้ติดตาม RSS
201. ปักหมุดสถานที่ร้านค้าบน Google Business
202. เว็บไซต์ได้จ่ายภาษีอย่างถูกต้องหรือไม่
203. ไม่เป็นเว็บที่มีเนื้อหาคุณภาพต่ำ
204. ไม่มีลิงก์ไปยังเว็บคุณภาพต่ำ
205. payday load จะทำให้อันดับเว็บของคุณแย่ลง
206. ไม่มีการ Redirect หลอกไปเว็บอื่น
207. ไม่มี Popup หรือ Ad บังหน้าเว็บ
208. ไม่ควรทำ SEO มากเกินไปกับเว็บ เช่น การใส่ Keyword ซ้ำไปซ้ำมาในหน้าเว็บ
209. ไม่ควรทำ SEO มากเกินไปกับหน้าหนึ่งๆ
210. ไม่มี Ad ที่ลอยบังหน้าเว็บตลอดเวลา
211. ไม่ปกปิด Affiliate Link
212. เว็บ Affiliate เป็นที่รู้กันดีว่า google ไม่ชอบเว็บ affiliates และหลาย ๆ คนก็เชื่อว่าเว็บที่มีลิงก์ affiliates จะถูกจัดอันดับต่ำกว่าความเป็นจริง
213. ไม่ใช้โปรแกรมเขียนเนื้อหาอัตโนมัติ
214. ไม่ควรใช้ nofollow ทุกลิงก์ที่ออก หรือมีลิงก์ภายในมากเกินไป
215. การตั้งใจทำ PageRank มากเกินไป: ไม่ว่าจะเป็นการใช้ nofollow สำหรับลิงก์ออกทั้งหมด หรือลิงก์ภายในส่วนใหญ่ อาจเป็นสัญญาณว่าคุณพยายามที่จะโกงระบบที่ google คิดค้นขึ้น
216. IP Address ของเว็บไม่ถูกคาดโทษ
217. ไม่ควร Spam ใน Meta Tag Google จะหักคะแนนหรือนำเว็บของคุณออกจาก SERP หากคุณทำการ
218. Spam ในการหา Link เข้าเว็บไซต์คุณ
219. ไม่มีลิงก์กลับที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
220. เพื่อจำกัดเว็บที่มีการสร้าง Link แบบผิดธรรมชาติ
221. ไม่มีลิงก์กลับจากหน้า Profile ที่ไม่มีคุณภาพ ลิงก์ที่คนทำ SEO ส่วนใหญ่มักใช้กันเช่น ช่องความคิดเห็นตามเว็บ Blog, หรือ หน้า Profile ของเว็บบอร์ดต่างๆ ซึ่ง Google จะมองว่าเป็นลิงก์ที่ไม่มีคุณภาพ
222. ลิงก์จากความคิดเห็นหรือประวัติส่วนตัว เป็นตัวบ่งชี้ว่าคุณพยายามโกงระบบอยู่
223. ไม่มีลิงก์จากเว็บที่ไม่เกี่ยวข้องจำนวนมาก
224. การลิงก์ถึงเว็บที่เกี่ยวข้องกัน: การวิเคราะห์ที่ได้รับการเชื่อถือของเว็บไซต์ MicroSiteMasters.com บอกว่าเว็บที่มีลิงก์จำนวนมากจากเว็บที่ไม่เกี่ยวข้องกันจะถูกเพนกวินลงโทษ
225. ไม่ถูกเตือนเรื่องมีลิงก์ผิดธรรมชาติบน Google Webmaster Tools แล้วไม่แก้ไข
226. คำเตือนลิงก์ไม่เป็นธรรมชาติ: Google ส่งข้อความหลายพันคำเตือนใน Google Webmaster Tools ซึ่งถ้าไม่แก้ไขจะทำให้อันดับหล่นลง แม้ว่าจะไม่ยืนยัน 100%
227. ไม่มีลิงก์จาก IP Class C เดียวกันมากๆ
230. ไม่มีลิงก์กลับที่มีข้อความที่ผิดกฏ Google
231.ลิงก์ anchor text “ที่เป็นพิษ”: การมีลิงก์ anchor text “ที่เป็นพิษ” (ตัวอย่างเช่นคีย์เวิร์ดกลุ่ม pharmacy) จะบอกว่าเว็บคุณเป็นเว็บสแปม ถูกสแปม หรือโดนแฮก ซึ่ง google จะทำการลดอันดับเว็บของคุณ
232. ไม่ควรถูกแบนโดยทีมงาน Google เอง
233. ไม่มีลิงก์ที่มาจากการซื้อ Link
234.ไม่ได้ถูกใส่ใน Google Sandbox Google มักจะนำเว็บไซต์ใหม่ๆที่เพิ่งเกิดขึ้นและมีพฤติกรรมที่ไม่ปกติเข้าไปใน Sandbox เพื่อสังเกตการณ์ และลดการแสดงผลใน SERP หากไม่ได้ทำผิดจริงก็จะถูกนำออกจากกล่องทรายนี้ได้
233. Google Sandbox: เว็บไซต์ใหม่ ๆ ที่มีลิงก์เพิ่มขึ้นจำนวนมาก จะถูกเก็บไปไว้ใน Google Sandbox ซึ่งเว็บที่โดน google sandbox นั้น จะแทบไม่ปรากฎในหน้าการค้นหาของ google
234. Google Dance: การที่อันดับใน google ไม่นิ่งหรือที่เรียกกันว่า Google Dance จะส่งผลให้อันดับเว็บในหน้าการค้นหานั้นขยับเปลี่ยนแปลงไปมาอยู่ตลอดในเวลาอันสั้น เป็นกระบวนการที่ google กำลังตัดสินใจเว็บไหนที่กำลังจะโกงระบบของ google อยู่
235. Disavow Tool: การใช้ Disavow Tool บน google อาจจะช่วยลบการถูกลงโทษของเว็บที่ทำ SEO ที่แย่ ๆ ออกไปได้ แต่คุณต้องแก้ไขเว็บคุณให้ถูกต้องด้วย
236. การส่งคำขอให้พิจารณาใน google: การส่งคำขอที่ได้รับการตอบรับจะช่วยลบการลงโทษออกไป
237. ติด HTTPS ให้กับเว็บไซต์ของคุณ Google จะเลือกเว็บไซต์ที่มีการป้องกันความปลอดภัยบนไซเบอร์ขึ้นมาเป็นอันดับแรกๆ
238. การขายลิงก์
การขายลิงก์: การขายลิงก์นั้นจะลด pagerank ของคุณและการส่งผลเสียกับการจัดอันดับเว็บไซต์ของคุณ
239. การใช้ bullets
การใช้ bullets และตัวเลข จะช่วยแบ่งบทความของคุณให้ผู้อ่าน อ่านง่ายขึ้น ทำให้บทความเป็นมิตรกับผู้อ่านมากขึ้น google ชอบบทความที่มี bullets และตัวเลข
240. Youtube
Youtube แน่นอนว่าวีดีโอเว็บ youtube สามารถทำอันดับใน google ได้ดี เหตุผลง่าย ๆ ก็แค่เจ้าของเดียวกัน
241. Google Analytics & Google Webmaster Tools
การใช้ google analytics และ google webmaster tools หลายคนมีความเชื่อว่าถ้ามีการติดตั้งสองโปรแกรมนี้บนเว็บจะช่วยเรื่องการเก็บข้อมูล และส่งผลโดยตรงต่อการจัดอันดับเนื่องจากได้ให้ข้อมูลของเว็บคุณตามที่ google ต้องการ
242.คำวิจารณ์จากผู้เยี่ยมชม
คำวิจารณ์จากผู้เยี่ยมชม/ชื่อเสียงของเว็บไซต์ คำวิจารณ์บนเว็บไซต์ที่มีชื่อเสียงต่าง ๆ จะส่งผลต่อการจัดอันดับ ซึ่งเราได้เห็นความพยายามจะใช้สิ่งนี้เข้ามาร่วมจัดอันดับหลายครั้ง เพื่อให้ผู้ใช้สามารถให้คะแนนเว็บเพื่อลดปัญหาการสร้าง link ที่เน้นเรื่อง seo มากกว่าเป็น link ตามธรรมชาติ
243. Link จาก Social Media
การแชร์ในโซเชียลเน็ตเวิร์ค ยิ่งจำนวนมากยิ่งส่งผลกับหน้านั้น ๆ
244. Link จากหน้าแรกไปหน้าใน
245. Link จากหน้าแรกไปหน้าใน
สอบถามคอร์สอบรมการตลาดออนไลน์ :
สถาบันสอนการตลาดออนไลน์ ไอทีแม่บ้าน ครูเจ